ตอนที่ 2
การหาค่า BOD ในน้ำดี (Biochemical Oxygen
Demand หรือ DO5)
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อศึกษาปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ย่อยสลายแบคทีเรีย
2.
เพื่อศึกษาปริมาณสารอินทรีย์ปนเปื้อนในน้ำ
บทนำ
บีโอดี (BOD) บอกถึงความต้องการออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำภายใต้สภาวะที่มีออกซิเจน
จากกระบวนการนี้จุลินทรีย์จะได้รับพลังงานเพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโต ผลผลิตสุดท้ายของการออกซิไดซ์สารอินทรีย์จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ค่าบีโอดีของน้ำจะบ่งบอกถึงปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ
ถ้าค่าบีโอดีสูงแสดงว่ามีสารอินทรีย์ปนเปื้อนอยู่มาก
แต่ถ้าค่าบีโอดีต่ำแสดงว่ามีสารอินทรีย์ปนเปื้อนอยู่น้อย ดังนั้นการวัดค่าบีโอดีจึงเป็นวิธีทางอ้อมในการตรวจวิเคราะห์หาระดับปริมาณสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ความต้องการออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ดังภาพที่ 1
ภาพที่1
ค่าความต้องการใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายสารอินทรีย์และสารประกอบไนโตรเจนจากสารอินทรีย์
จากภาพที่ 1 ช่วงแรกเป็นการใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายคาร์บอนของสารอินทรีย์ด้วยจุลินทรีย์จำพวกเฮเทอโรโทรฟ(heterotrophy) เรียกช่วงแรกนี้ว่า Carbonaceous Biochemical
Oxygen Demade (CBOD)
ในช่วงนี้สารอินทรีย์จะถูกออกซิไดซ์เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ
และแก๊สแอมโมเนีย
สารอินทรีย์ + O2 CO2 + H2O + NH3
ในช่วงถัดมาเป็นการใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายสารประกอบไนโตรเจนจากสารอินทรีย์
เช่น แอมโมเนียและไนไตรต์(NO
) ให้เป็นไนเตรต(NO
) โดยจุลินทรีย์จำพวกออโตโทรฟ(autotroph) เรียกช่วงนี้ว่า Nitrogenous Biochemical
Oxygen Demand (NBOD)
2NH3 + 3O2
2NO
+ 2H+ + 2H2O + 2NO
2NO
+ O2
2NO
ในช่วงนี้ค่า NBOD จะเกิดขึ้นภายหลังจากการบ่มน้ำที่อุณหภูมิ
20 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 6-10 วัน
เนื่องจากว่าในระยะแรกๆปริมาณไนตริไฟอิงแบคทีเรีย
เจริญเติบโตได้ช้าจึงต้องใช้เวลาที่ต้องเพิ่มจำนวน และภายหลังจากการบ่มเป็นเวลานาน 6-10 วัน
จะมีปริมาณของไนตริไฟอิงแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิด NBOD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น